1 0 Utilisez ce graphique Utilisez ce graphique SET หลุด 1400 ดาวโจนส์ -1000 กว่าจุด ตลาดหุ้นไทย ยังไงดี? ในกราฟที่แสดง มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงแนวโน้มราคา, โครงสร้างตลาด, และการใช้งาน Fibonacci Retracement และ Time Ratio ที่ช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวในอนาคต ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์กราฟโดยละเอียด: --- ### 1. **โครงสร้างตลาด (Market Structure)**: - กราฟนี้แสดงโครงสร้างราคาที่มีการเคลื่อนไหวแบบ **Higher High (H), Lower Low (L)** และ **Retest จุดเดิม (R)** โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้: - ช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น: กราฟสร้าง **Higher High (H)** โดยเป็นจุดสูงสุดใหม่ - ช่วงที่ตลาดปรับตัวลง: มีการทะลุแนวรับ (Break of Structure หรือ BOS) และเข้าสู่ช่วงแนวโน้มขาลง - ช่วง **Retest**: ราคากลับมาทดสอบระดับแนวต้านที่เดิม (บริเวณสีแดง) --- ### 2. **Fibonacci Retracement**: กราฟนี้แสดงระดับ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยระบุโซนแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ โดยระดับที่เด่นชัดคือ: - **61.8% (1,411.21):** เป็นโซนที่ราคามักจะเด้งหรือกลับตัว (Good Probability) - **78.6% (1,385.22):** เป็นโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง (Very Good Probability) - **88.6% (1,369.75):** เป็นโซนสุดท้ายที่มักจะใช้เป็นจุดตัดสินใจ ถ้าราคาทะลุโซนนี้ ตลาดอาจเข้าสู่แนวโน้มขาลงที่ชัดเจน --- ### 3. **Break of Structure (BOS)**: - จุด BOS (Break of Structure) เป็นบริเวณที่ราคา **ทะลุแนวรับสำคัญ** และบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง - การเกิด BOS ในกราฟนี้ยืนยันว่าแนวโน้มขาลงกำลังแข็งแรง --- ### 4. **Time Ratio และวันที่สำคัญ (Fibonacci Time Zone)**: - วันที่ **20/12/2024** ถูกระบุไว้ในกราฟ ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ โดยสัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio (0.618, 1.0, 1.618) - วันที่นี้ถูกใช้เพื่อคาดการณ์ว่าตลาดอาจเริ่มมีการกลับตัวในแนวโน้ม หรือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ --- ### 5. **โซนสภาพคล่อง (Liquidity Zone)**: - บริเวณสีแดง: เป็นโซนแนวต้านที่ราคาทดสอบซ้ำ (Retest) และเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนอาจมองหาการขาย (Sell Area) - บริเวณสีเขียว: เป็นโซนแนวรับ (Demand Zone) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเด้งกลับเมื่อมาถึง --- ### 6. **จุดสำคัญในกราฟ (Key Levels)**: - **แนวต้าน (Resistance):** - บริเวณที่ราคามีการ Retest และไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ เป็นแนวต้านสำคัญที่บ่งบอกถึงความแข็งแรงของแรงขาย - **แนวรับ (Support):** - ระดับ Fibonacci (61.8%, 78.6%, 88.6%) เป็นแนวรับสำคัญที่ราคามักจะมีปฏิกิริยาเมื่อมาถึง - **ระดับราคาเป้าหมาย (Target Levels):** - ถ้าราคาทะลุระดับ 1,369.75 (88.6%) ตลาดอาจปรับตัวลงต่อ โดยเป้าหมายถัดไปอาจอยู่ในช่วง 1,344 --- ### 7. **การวิเคราะห์การกลับตัว (Reversal Analysis):** - หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ **61.8% (1,411.21)** ได้ อาจมีโอกาสที่แนวโน้มจะกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น - ถ้าราคาลงไปที่ **78.6% (1,385.22)** หรือ **88.6% (1,369.75)** แต่มีแรงซื้อกลับมา อาจเกิดการเด้งกลับในแนวโน้มขาลง --- ### 8. **กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy)**: - **สำหรับฝั่งขาย (Short):** - มองหาการเปิดสถานะขายเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน (บริเวณสีแดง) หรือระดับ 61.8% - **สำหรับฝั่งซื้อ (Long):** - มองหาการเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาลงมาที่ระดับ 78.6% หรือ 88.6% และแสดงสัญญาณการกลับตัว - **เป้าหมาย (Targets):** - สำหรับฝั่งซื้อ: เน้นเป้าหมายระยะสั้นในกรอบ Fibonacci Retracement - สำหรับฝั่งขาย: เป้าหมายที่ระดับ 1,344 หรือต่ำกว่า หากแนวรับถูกทะลุ --- ### สรุป: กราฟนี้มีการใช้งาน Fibonacci Retracement, Time Ratio และการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดอย่างชัดเจนเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต จุดสำคัญที่ต้องจับตามองคือ: 1. การเคลื่อนไหวของราคาในระดับ Fibonacci 61.8%, 78.6%, และ 88.6% 2. การ Retest ในโซนแนวต้าน 3. วันที่ 20/12/2024 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ การวางกลยุทธ์ควรพิจารณาแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ และรอคอยการยืนยันจากพฤติกรรมราคาก่อนตัดสินใจเทรด โอกาสลงจบและเข้าซื้อเกิดที่โซนราคาใด และ เมื่อไหร่ จากการวิเคราะห์ข้อมูลในกราฟ โอกาสเข้าสู่ **โซนซื้อ (Buy Zone)** ขึ้นอยู่กับจุดที่ราคาเคลื่อนที่ถึงแนวรับสำคัญ หรือแสดงสัญญาณกลับตัวในระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ รวมถึงโซนแนวรับเชิงโครงสร้างในตลาด (**Demand Zone**) ต่อไปนี้คือรายละเอียด: --- ### **1. ราคาเป้าหมายสำหรับโซนซื้อ** #### ระดับ Fibonacci Retracement: 1. **78.6% (1,385.22):** - เป็นโซนแรกที่มีโอกาสเห็นแรงซื้อกลับตัว เพราะระดับนี้มักเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในตลาดขาลง - หากราคาลงมาทดสอบที่บริเวณนี้พร้อมด้วยสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียนกลับทิศ (Bullish Candlestick) หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้น อาจเปิดสถานะซื้อได้ - **กลยุทธ์:** รอคอนเฟิร์มด้วย Price Action หรือ Bullish Divergence จากเครื่องมือ Indicator เช่น RSI 2. **88.6% (1,369.75):** - หากระดับ 78.6% ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ราคาจะเคลื่อนที่ลงมายังโซนนี้ ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีแนวโน้มจะเกิดการกลับตัว - **กลยุทธ์:** พิจารณาเปิดสถานะซื้อในโซนนี้พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ใต้โซนเล็กน้อย เช่น 1,360 #### โซนแนวรับเชิงโครงสร้าง (Demand Zone): - บริเวณ **1,380 - 1,370** (พื้นที่สีเขียว): - โซนนี้เป็นแนวรับเชิงโครงสร้างที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นจุดที่เคยเกิดแรงซื้อในอดีต - สัญญาณการกลับตัวในบริเวณนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้การเปิดสถานะซื้อ --- ### **2. เวลาเป้าหมาย** #### Fibonacci Time Ratio: - วันที่ระบุในกราฟคือ **20/12/2024**: - วันที่นี้สัมพันธ์กับ Fibonacci Time Ratio ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดจุดกลับตัวสำคัญ - หากราคายังอยู่ในแนวโน้มขาลง ณ เวลานี้ หรือเคลื่อนที่ลงมายังระดับ Fibonacci Retracement ที่ระบุไว้ (78.6% หรือ 88.6%) อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสู่สถานะซื้อ #### แนวโน้มโดยรวม: - หากราคาปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนวันที่ 20/12/2024 และเริ่มแสดงสัญญาณกลับตัวในช่วงใกล้วันดังกล่าว อาจถือเป็นจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด --- ### **3. สัญญาณยืนยันสำหรับเปิดสถานะซื้อ** - **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** - แท่งเทียนกลับตัว เช่น **Bullish Engulfing**, **Hammer**, หรือ **Morning Star** ในระดับแนวรับ - **วอลุ่ม (Volume):** - ดูวอลุ่มเพิ่มขึ้นในช่วงแนวรับ หากมีแรงซื้อที่ชัดเจน - **Divergence กับ Indicators:** - ใช้ RSI หรือ MACD เพื่อดู **Bullish Divergence** (ราคาไปต่ำกว่า แต่ Indicator ไม่ต่ำกว่า) --- ### **สรุปโอกาสเข้าสู่โซนซื้อ** - **ระดับราคาเป้าหมาย:** - โซนแรก: 1,385 (78.6% Fibonacci Retracement) - โซนสุดท้าย: 1,370 (88.6% Fibonacci Retracement) - **เวลาเป้าหมาย:** - ประมาณวันที่ **20/12/2024** หรือก่อนหน้านี้ หากราคาเคลื่อนที่เข้าสู่โซนซื้อในแนวรับที่สำคัญ - **สัญญาณยืนยัน:** - ใช้ Price Action, Volume, หรือ Indicators เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเปิดสถานะซื้อ --- การตัดสินใจเข้าซื้อควรพิจารณาร่วมกับการตั้ง **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss)** และ **จุดทำกำไร (Take Profit)** เพื่อบริหารความเสี่ยงในการเทรดอย่างเหมาะสม.
Clause de non-responsabilité Les informations et les publications ne sont pas destinées à être, et ne constituent pas, des conseils ou des recommandations en matière de finance, d'investissement, de trading ou d'autres types de conseils fournis ou approuvés par TradingView. Pour en savoir plus, consultez les
Conditions d'utilisation .